การขยายพันธุ์ การปลูกและการดูแล
การขยายพันธุ์ของต้นองุ่นสามารถทำได้หลากหลายวิธี แล้วแต่วัตถุประสงค์และความเหมาะสมที่จะใช้แต่โดยปกติทั่วไปจะใช้อยู่ 4 วิธี
วิธีที่1 การตัดกิ่งชำ
การขยายพันธุ์ด้วยวิธีนี้จำเป็นต้องคัดเลือกจริงอ่งุ่นที่มีความสมบูรณ์และแก่จัด ที่มีการสะสมอาหารมากพอที่ทำให้องุ่นแตกยอดได้อย่างสมบูรณ์กิ่งที่นำมาใช้ทำการตัดให้มีความยาว 30 - 40 เซนติเมตร ก่อนนำไปชำควรฆ่าเชื้อด้วยน้ำอุ่น หรือแช่ในน้ำยาฆ่าเชื้อรา
การปักชำอาจทำในแปลงปักชำที่เป็นดินทรายหรือดินร่วนทรายระบายน้ำได้ดีทำเป็นร่องลึก 50 เซนติเมตรใช้กิ่งปากเสียบเป็นแถวแล้วใช้ดินกลบทำการรดน้ำให้มีความชุ่มชื่นตลอดเวลาและควรทำหลังคาพรางแสงให้ด้วยหรือใช้กระบะที่มีส่วนผสมของทรายหยาบ แกลบเผา คุยมะพร้าวก็ได้ หรือจะใช้วัสดุผสมนี้บรรจุถุงพลาสติกขนาดเล็กแล้วใช้กิ่งปักลงในถุง ถุงละ 1 กิ่งก็ได้เมื่อกินองุ่นที่ปักชำมีรากและใบที่แข็งแรงดีก็สามารถนำไปปลูกในแปลงได้ในกรณีที่ดินในแปลงปลูกมีความชื้นดีและระบายน้ำได้ดีอาจจะใช้กินองุ่นปลูกลงแปลงปลูกโดยตรงก็ได้ ถ้าต้องการองุ่นที่ไม่ต้องการใช้ต้นตอ
วิธีที่2 การตอน
ในบ้านเราการตอนองุ่นเป็นที่นิยมใช้กันมากที่สุดเพราะสามารถทำได้ทั้งปีโดยไม่ต้องรอให้องุ่นแก่พอสามารถตอนจากกิ่งอ่อนที่มีความสมบูรณ์ได้ ในกรณีที่องุ่นมีเถายาวสามารถตอนเป็นปล้องๆ ห่างกัน 4 ข้อโดยทำการควั่นเอาเปลือกออกระหว่างข้อ ทำการขุดเมือกรอบรอบแกนองุ่นออกแล้วใช้ขุยมะพร้าวที่บรรจุในพลาสติกขนาดเล็กหุ้มแล้วมัดเชือกให้แน่นประมาณ 2-3 สัปดาห์ องุ่นจะเริ่มออกราก เมื่อเริ่มเห็นรากต้องทำการตัด อย่าทิ้งไว้จนรากแก่มีสีน้ำตาลเพราะจะทำให้เจริญเติบโตได้ไม่ดี ส่วนใหญ่นิยมตอนเฉพาะพันธุ์ที่ใช้เป็นต้นตอ คือต่อป่า เพราะมีความแข็งแรงเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศของบ้านเราเมื่อตัดออกมาก็สามารถติดตาด้วยพันธุ์ดีได้ทันทีการตอนสามารถตอนกับพันธุ์ ใดๆก็ได้โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ปลูกต้องการใช้ปลูกด้วยพันธุ์ดี
วิธีที่3 การติดตา
คือการนำตาของพันธุ์ที่เราต้องการปลูกไปติดบนต้นพันธุ์ ที่ใช้เป็นต้นตอที่ปลูกอยู่ในแปลงแล้ว หรือพันธุ์ต้นตอที่ตอนก่อนนำไปปลูก การติดตามักใช้ตาที่แก่พอเหมาะ คือเปลือกมีสีน้ำตาลใช้มีคมมากเฉือนส่วนตาให้มีเนื้อไม่ติดไปด้วยแล้วนำไปติดบนต้นต่อที่ชื่นให้มีแผลในลักษณะเดียวกันและขนาดเท่าๆกัน นำตาไปประกบบนแผลต้นตอและต้องให้แผลติดกันสนิทถ้าไม่สนิทต้องทำการใช้มีดเฉือนตกแต่งใหม่ เสร็จแล้วใช้พลาสติกบางบางพันให้รอบๆโดยเปิดส่วนตาไว้หรือ อีกวิธีหนึ่งคือการติดแบบรูปตัวTใช้ปลายมีดแงะเปลือกออกนำตาพันธุ์ที่จะใช้ติดเฉือนเป็นรูปโล่แล้วลอกเอาแกนไม้ออกนำไปสอดเข้าในช่องเปลือกของพันธุ์ต้นตอแล้วใช้พลาสติกพันให้รอบโดยเว้นตาไว้
วิธีที่4 การเสียบยอดหรือการทาบ
คือการนำชิ้้นส่วนของพันธู์ ที่ต้องการปลูกมาเสียบเข้ากับยอดของพันธุ์ ที่ใช้เป็นต้นตอที่ปลูกไว้แล้วโดยตัดส่วนต้นเหนือพื้นดินให้เหลือต่อสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร แล้วนำชิ้นส่วนพันธุ์ ที่ต้องการที่มีข้อหนึ่งข้อโดยมีปลายด้านหนึ่งทำเป็นรูปลิ่มเพื่อเสียบลงบนรอยผ่าของต้นตอ แล้วใช้พลาสติกพันธุ์ให้มิดชิดหรือใช้แว็กซ์เคลือบ อีกวิธีหนึ่งที่นิยมใช้กันมากในอเมริกาคือการเสียบยอดเข้ากับกิ่งที่จะนำไปทำการปักช้ำโดยนำกิ่งพันธุ์ตัดเป็นท่อนให้มีหนึ่งข้อโดยใช้เครื่องตัดที่มีรูปร่างต่างๆ เช่น แบบปากฉลาม แบบโอเมกา แบบพัน เมื่อติดแล้วนำไปจุ๋มในเว็กซ์ แล้วนำไปชำในที่เพาะชำ
การปลูกต้นองุ่น
1. การเตรียมพื้นที่ ขึ้นอยู่กับพื้นที่เพาะปลูกองุ่นในแต่ละพื้นที่ เช่น พื้นที่ลุ่ม น้ำท่วมขังได้ง่าย จะปลูกด้วยการยกร่องให้สูง เพื่อป้องกันรางเน่าในองุ่นครับ
1.1 การปลูกแบบยกร่อง เตรียมพื้นที่โดยการยกร่องให้แปลงมีขนาดกว้าง 6 เมตร ความยาวร่องแล้วแต่ขนาดของพื้นที่ ส่วนความสูงของร่องให้สังเกตจากปริมาณน้ำที่เคยท่วมสูงสุดโดยให้อยู่สูงกว่าแนวระดับน้ำท่วม 50 เซนติเมตร ขนาดร่องน้ำกว้าง 1.5 เมตร ลึก 1 เมตร ก้นร่องน้ำกว้าง 0.5-0.7 เมตร การปลูกควรปลูกแถวเดียวตรงกลางแปลง เว้นระยะระหว่างหลุมให้ห่างกัน 3-3.50 เมตร
1.2 การปลูกในที่ดอน ควรไถพรวนเพื่อกำจัดวัชพืชและทำให้ดินร่วนซุย ใช้ระยะปลูก 3×4-3.50×5 เมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน
วิธีการปลูก
1. ควรขุดหลุมปลูกให้มีขนาดกว้าง ยาว และลึก ประมาณ 50 เซนติเมตร
2. ผสมดิน ปุ๋ยคอก และปุ๋ยร๊อคฟอสเฟต เข้าด้วยกันในหลุมให้สูงประมาณ 2 ใน 3 ของหลุม
3. ยกถุงกล้าต้นองุ่นวางในหลุม โดยให้ระดับของดินในถุงสูงกว่าระดับดินปากหลุมเล็กน้อย
4. ใช้มีดที่คมกรีดถึงจากก้นขึ้นมาถึงปากถุงทั้ง 2 ด้าน (ซ้ายและขวา)
5. ดึงถุงพลาสติกออก โดยระวังอย่าให้ดินแตก
6. กลบดินที่เหลือลงไปในหลุม
7. กดดินบริเวณโคนต้นให้แน่น
8. ป้กไม้หลักและผูกเชือกยึด เพื่อป้องกันลมพัดโยก
9. หาวัสดุคลุมดินบริเวณโคนต้น เช่น ฟางข้าว หญ้าแห้ง
10. รดน้ำให้โชก
11. ทำร่มเงา เพื่อช่วยพรางแสงแดด
1. ควรขุดหลุมปลูกให้มีขนาดกว้าง ยาว และลึก ประมาณ 50 เซนติเมตร
2. ผสมดิน ปุ๋ยคอก และปุ๋ยร๊อคฟอสเฟต เข้าด้วยกันในหลุมให้สูงประมาณ 2 ใน 3 ของหลุม
3. ยกถุงกล้าต้นองุ่นวางในหลุม โดยให้ระดับของดินในถุงสูงกว่าระดับดินปากหลุมเล็กน้อย
4. ใช้มีดที่คมกรีดถึงจากก้นขึ้นมาถึงปากถุงทั้ง 2 ด้าน (ซ้ายและขวา)
5. ดึงถุงพลาสติกออก โดยระวังอย่าให้ดินแตก
6. กลบดินที่เหลือลงไปในหลุม
7. กดดินบริเวณโคนต้นให้แน่น
8. ป้กไม้หลักและผูกเชือกยึด เพื่อป้องกันลมพัดโยก
9. หาวัสดุคลุมดินบริเวณโคนต้น เช่น ฟางข้าว หญ้าแห้ง
10. รดน้ำให้โชก
11. ทำร่มเงา เพื่อช่วยพรางแสงแดด
การดูแลรักษา
การปลูกองุ่นก็เช่นเดียวกันกับการปลูกพืชอื่น ๆ แต่การบำรุงรักษาองุ่นนั้นค่อนข้างจะมากกว่าพืชชนิดอื่น ๆ ในการบำรุงรักษาองุ่นที่ปลูกนั้น มีแนวทางการปฏิบัติ ดังนี้
1. การให้ปุ๋ย ตามปกติพืชทั่ว ๆ ไปจะต้องการอาหารแร่ธาตุต่าง ๆ ที่สำคัญ 3 ชนิด คือ ธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัสและโปแตสเซียม ดังนั้น เมื่อผู้ปลูกสังเกตเห็นว่าองุ่นที่ปลูกแสดงอาการผิดปกติ ก็ต้องแก้ไขโดยการเพิ่มอาหาร แร่ธาตุต่าง ๆ ตามที่ปรากฏ เช่น เมื่อขาดธาตุไนโตรเจน ลักษณะของลำต้นจะแคระแกร็น ใบและลำต้นจะสีเหลืองซีด การเจริญเติบโตช้า แต่ถ้ามากเกินไปใบจะสีเขียวจัด ก้านเปราะ ผลสุกช้า หากขาดธาตุฟอสฟอรัส รากจะไม่เจริญเติบโต แคระแกร็น ใบสีเขียวเข้ม ผลแก่ช้ากว่าปกติ และหากขาดธาตุโปแตสเซียม จะเจริญเติบโตช้า เส้นใบและขอบใบมีสีเหลือง ริมใบมีสีน้ำตาล ปล้องจะถี่หรือระหว่างข้อสั้น เมื่อองุ่นที่ปลูกปรากฏอาการดังกล่าว จะต้องแก้ไขโดยการเพิ่มอาหารที่ขาดไป ไม่จำเป็นต้องใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ ควรใช้ปุ๋ยจำพวกอินทรียวัตถุใส่เป็นประจำ เช่น ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก เป็นต้น
ขณะเดียวกันควรหมั่นพรวนดินระหว่างแถวด้วยจอบ หรือเครื่องทุ่นแรง นอกจากจะปราบวัชพืชแล้ว ยังเพิ่มปุ๋ยพืชสดให้กับดินอีกด้วยและเป็นการลดการระเหยของน้ำในดิน
2. การให้น้ำ แม้ว่าองุ่นจะไม่ชอบดินแฉะแต่ก็ต้องให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อนำน้ำไปปรุงแต่งผลให้เต่ง โดยเฉพาะในระยะแรกเริ่มปลูกและเริ่มติดผลอย่าให้ขาดน้ำ การปลูกองุ่นเป็นจำนวนมากจำเป็นต้องเตรียมน้ำไว้ให้พร้อม อาจจะขุดเป็นร่องเพื่อกักขังน้ำไว้ เมื่อองุ่นมีผลแก่เริ่มแก่จะสุก ควรงดการให้น้ำหรือให้บ้างเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ควรหาวัสดุ เช่น หญ้าแห้ง ฟางข้าวคลุม โคนต้น จะเป็นการช่วยลดการระเหยของน้ำในดิน ทำให้ดินมีความชุ่มชื้น
3. ลม ผู้ปลูกองุ่นส่วนมากมักจะไม่ค่อยคำนึงถึงเรื่องลมมากนัก แต่ถ้าผู้ปลูกในที่โล่งเตียนมีลมจัด จะมีผลกระทบต่อการปลูกองุ่นเหมือนกัน กล่าวคือ หากมีลมแรง ต้นองุ่นจะโยกคลอนไปตามลม ใบจะขาด ลมจะพัดพาเกสรของดอกปลิวไปที่อื่น ไม่สามารถผสมพันธุ์กันได้ หรือตัวแมลงที่ช่วย ผสมเกสรจะเกาะเกสรไม่ได้ ทำให้เกิดผลน้อย ทางที่ดีควรปลูกต้นไม้อื่นบังลมไว้บ้าง เพราะนอกจากจะบังลมแล้วยังช่วยลดการระเหยของน้ำในดินและอากาศจะมีความชุ่มชื้นสม่ำเสมอ
บรรณานุกรม
ประทีป กุณาศล. องุ่น วิทยาสารสถาบันวิจัยพืชสวน. ครั้งที่ 5. นครปฐม :
กรมส่งเสริมการเกษตร, 2528.
มนตรี แสนสุข. "การทำตอป่า-ติตาองุ่น"โลกเกษตร&อุตสาหกรรม. ฉบับที่ 45 : หน้า 52 ; 2546.
นันทกร บุญเกิด. คู่มือการสร้างสวนองุ่น. ครั้งที่ 3. นครราชสีมา : สมบูรณ์พริ้นติ้ง, 2546
"การปลูกองุ่น อย่างละเอียด". [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.farmthailand.com/266. นันทกร บุญเกิด. คู่มือการสร้างสวนองุ่น. ครั้งที่ 3. นครราชสีมา : สมบูรณ์พริ้นติ้ง, 2546
(วันที่สืบค้น : 20 ตุลาคม 2559).
"การดูแลรักษาองุ่นหลังปลูก". [ออนไลน์]. เข้าได้ถึงจาก : pirun.ku.ac.th/~b5310301364/บำรุง.html
(วันที่สืบค้น : 20 ตุลาคม 2559).
"พันองุ่นเบื้องต้น". [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.lucariscrystal.com/th/blog/พันธุ์องุ่นเบื้องต้น
(วันที่สืบค้น : 20 ตุลาคม 2559).
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-อนุญาตแบบเดียวกัน 4.0 International.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น